ตับ เป็นอวัยวะสีน้ำตาลแดงเหมือนคอนโดมิเนียมแปดหลังเรียงตัวกันเป็นรูปสามเหลี่ยมมีน้ำหนักประมาณ 1.
ไปพบแพทย์ตามนัด และรับการรักษารวมทั้งกินยา ฉีดยา ตามแพทย์สั่ง ซึ่งบางครั้งอาจต้องใช้ยานานเป็นแรมปี หรือตลอดไป ๒. ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด ๓. ห้ามบริจาคเลือด ๔. หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยา มีดโกนหนวด และแปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น ๕. ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือใช้ถุงยางอนามัยป้องกันไม่ให้แพร่ให้ผู้อื่น (ยกเว้นผู้ที่ตรวจพบภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสบีและซี) ๖.
การรักษาทางโภชนาการ (Nutritional therapy) เป็นส่วนที่สำคัญในการรักษาโรคตับอักเสบอันเนื่องมาจากสุรา เนื่องจากภาวะทุพโภชนาการมีส่วนช่วยเสริมทำให้ตับถูกทำลายมากขึ้น ผู้ป่วยควรได้รับการแนะนำอาหารที่มีแคลลอรี่และสารอาหารสูงเพื่อช่วยฟื้นฟูตับ ควรลดอาหารประเภทไขมัน เนื่องจากแอลกอฮอล์จะรบกวนการเปลี่ยนแปลงของกรดไขมัน ทำให้เกิดการสะสมของไขมันที่ตับ (alcoholic fatty liver) นอกจากนี้เนื่องจากแอกอฮอล์ทำการดูดซึมวิตามินและเกลือแร่ไม่ดี ควรมีการให้วิตามินและเกลือแร่เสริม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี1 บี2 บี6 แคลเซียมและเหล็ก มีความสำคัญมาก 2. การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิต (life style changes) การเลิกบุหรี่ และการควบคุมน้ำหนักให้สุขภาพดี สามารถทำให้การทำงานของตับดีขึ้น ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮฮล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถทำให้เกิดตับอักเสบและทำลายตับได้ ซึ่งจะทำให้ตับเสียหายมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่อาจจะมีการปนเปื้อนของเชื้อราอะฟลาท็อกซิน เช่น ถั่วลิสงตากแห้ง ข้าวโพดแห้งและพริกป่น สารอะฟลาท็อกซินสามารถทำให้เกิดเป็นมะเร็งตับได้มากยิ่งขึ้นในผู้ป่วยที่มีตับแข็ง 3. การรักษาด้วยยา (Drug therapies) ผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบรุนแรงอาจมีอาการดีขึ้นจากการรักษาด้วย - ยา corticosteroids เพื่อลดการอักเสบ - ยา Pentoxifylline ป้องกันร่างกายไม่ให้สร้าง tumor necrosis factor-alpha ซึ่งป็นสารสำคัญเชื่อมโยงกับการอักเสบ (inflammation) 4.
ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบชนิดบี ซึ่งปัจจุบันมีการฉีดให้ตั้งแต่แรกเกิด ส่วนผู้ที่ไม่เคยฉีดมาก่อน หากเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น ทำงานสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยหรือสัมผัสถูกเลือด มีสามีหรือภรรยาเป็นพาหะหรือโรคนี้ มีพฤติกรรมเสี่ยง (เช่น รักร่วมเพศระหว่างชายกับชาย ชอบเที่ยวกลางคืน หรือมีเพศสัมพันธ์แบบเสรี) ๒. ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ไม่ทราบว่ามีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซีหรือยัง ก็ควรใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน ๓. ไม่ใช้เข็มฉีดยา มีดโกน และแปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น ๔. หลีกเลี่ยงการสักตามตัว การฝังเข็ม ถ้าจะทำก็ควรมั่นใจว่าอุปกรณ์ที่ใช้สักมีความปลอดภัยสูง (คือ ไม่ใช้ซ้ำกับผู้อื่นและมีการทำให้ปราศจากเชื้ออย่างถูกต้อง) ความชุก โรคนี้พบได้ค่อนข้างบ่อย ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวเพราะไม่มีอาการ ส่วนใหญ่เกิดจากไวรัสตับอักเสบชนิดซี พบว่าร้อยละ ๗๕ ของผู้ป่วยที่เป็นตับอักเสบเฉียบพลันจากไวรัสชนิดซี และร้อยละ ๕-๗ ของผู้ป่วยที่เป็นตับอักเสบเฉียบพลันจากไวรัสชนิดบี จะกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรังตามมา
() สยามรัฐ () มหาชัย ทีแอลซี คลินิกเทคนิคการแพทย์ ( าที่มีผลต่อตับ/)
1-3% และมีคนตายจากยาเนื่องจากตับวายเฉียบพลันประมาณ 10%2 เรื่องที่เกี่ยวข้อง ณัฐพล ว่าซ่าน เกา จิ้ง lisa x ี่ีรรี ี่ีรรี